มาตรา ๕๒
การที่จะให้บุคคลใดมาที่พนักงานสอบสวนหรือมาที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือมาศาล
เนื่องในการสอบสวน การไต่สวนมูลฟ้องการพิจารณาคดี
หรือการอย่างอื่นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
จักต้องมีหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือของศาล
แล้วแต่กรณี
แต่ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปทำการสอบสวนด้วยตนเอง
ย่อมมีอำนาจที่จะเรียกผู้ต้องหาหรือพยานมาได้โดยไม่ต้องออกหมายเรียก
มาตรา ๕๓ หมายเรียกต้องทำเป็นหนังสือและมีข้อความ
ดังต่อไปนี้
(๑) สถานที่ที่ออกหมาย
(๒)
วันเดือนปีที่ออกหมาย
(๓)
ชื่อและตำบลที่อยู่ของบุคคลที่ออกหมายเรียกให้มา
(๔)
เหตุที่ต้องเรียกผู้นั้นมา
(๕) สถานที่
วันเดือนปีและเวลาที่จะให้ผู้นั้นไปถึง
(๖)
ลายมือชื่อและประทับตราของศาล หรือลายมือชื่อและตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้ออกหมาย
มาตรา ๕๔
ในการกำหนดวันและเวลาที่จะให้มาตามหมายเรียกนั้น ให้พึงระลึกถึงระยะทางใกล้ไกล
เพื่อให้ผู้ถูกเรียกมีโอกาสมาถึงตามวันเวลากำหนดในหมาย
มาตรา ๕๕ การส่งหมายเรียกแก่ผู้ต้องหา
จะส่งให้แก่บุคคลผู้อื่นซึ่งมิใช่สามีภริยา
ญาติหรือผู้ปกครองของผู้รับหมายรับแทนนั้นไม่ได้
มาตรา ๕๕/๑ ในคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์
ถ้าศาลมีคำสั่งให้ออกหมายเรียกพยานโจทก์โดยมิได้กำหนดวิธีการส่งไว้
ให้พนักงานอัยการมีหน้าที่ดำเนินการให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่เป็นผู้จัดส่งหมายเรียกแก่พยานและติดตามพยานโจทก์มาศาลตามกำหนดนัดแล้วแจ้งผลการส่งหมายเรียกไปยังศาลและพนักงานอัยการโดยเร็ว
หากปรากฏว่าพยานโจทก์มีเหตุขัดข้องไม่อาจมาศาลได้หรือเกรงว่าจะเป็นการยากที่จะนำพยานนั้นมาสืบตามที่ศาลนัดไว้
ก็ให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสืบพยานนั้นไว้ล่วงหน้าตามมาตรา ๑๗๓/๒ วรรคสอง
เจ้าพนักงานผู้ส่งหมายเรียกมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายตามระเบียบที่กระทรวงยุติธรรมกำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากระทรวงการคลัง
มาตรา ๕๖
เมื่อบุคคลที่รับหมายเรียกอยู่ต่างท้องที่กับท้องที่ซึ่งออกหมาย
เป็นหมายศาลก็ให้ส่งไปศาล เป็นหมายพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจให้ส่งยังพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่มีอำนาจออกหมายเรียกซึ่งผู้ถูกเรียกอยู่ในท้องที่
เมื่อศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้รับหมายเช่นนั้นแล้ว
ก็ให้สลักหลังหมายแล้วจัดการส่งแก่ผู้รับต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2515
พนักงานสอบสวนเชิญจำเลยไปให้ถ้อยคำในฐานะพยานที่สถานีตำรวจโดยไม่ได้ออกหมายเรียก
จำเลยยอมมาโดยดีและพนักงานสอบสวนบอกจำเลยว่าจะสอบสวนเป็นพยานย่อมหมายความ
ว่าสั่งให้จำเลยให้ถ้อยคำ
คำสั่งของพนักงานสอบสวนเช่นนี้จึงเป็นคำบังคับตามกฎหมายให้จำเลยให้ถ้อยคำ
เมื่อจำเลยขัดขืนคำบังคับดังกล่าว ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 169
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2493
กำนันไม่มีอำนาจจับคนโดยไม่มีหมายจับ
และพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสั่งให้กำนันจับคนโดยไม่มีหมายจับ